ติดต่อผ่าน Line

Add Friend

#102207

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เทคนิคการเลือก สกรีน Power bank เพื่อใช้เป็นของขวัญให้กับลูกค้าคนสำคัญ

เทคนิคการเลือก สกรีน Power bank  เพื่อใช้เป็นของขวัญให้กับลูกค้าคนสำคัญ



 หลายๆท่าน  มักจะเลือกใช้เทศกาลปีใหม่ หรือ วันสำคัญต่างๆ ในการมอบของขวัญให้แก่กัน ยิ่งร้านใหญ่ๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ต่างคัดเลือกสินค้าเพื่อไปแจกให้กับลูกค้าคนสำคัญๆ  มักให้ความสำคัญเป็นอย่างการเลือกสินค้า  เพราะกลัวซื้อไปแล้วจะไม่โดนใจต่อผู้รับ  ถ้าหากผู้รับได้ไปแล้วไม่ถูกใจ แล้วไม่ได้ใช้งานจริงๆ ผู้ให้ก็รู้สึกไม่ดี  โดนเสียงบ่นจากผู้ใช้ ว่าหากให้สินค้าอย่างนี้  อย่าให้เสียดีกว่า T_T   ซึ่งในปี 2 ปีมานี้ สินค้าที่ได้รับความชื่นชอบมากๆ ก็หนีไม่พ้น Power bank ซึ่ง Power bank ในขณะนี้นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่คนส่วนมากที่มี SmartPhone ต่างต้องมีใช้งาน ใน ห้างต่างๆเลยต่าง สรรหา Power bank คุณภาพดีๆ มา สกรีน Power bank  ซึ่งการเลือกเฟ้น Power bank มาใช้ในการ Screen Power bank ก็เป็นสิ่งยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เรื่องจาก แต่ละประเภท ยี่ห้อ มีขนาด และคุณภาพเป็นเหตุสำคัญต่อการเลือกใช้งาน



ขอให้คำแนะในการเลือก สกรีน Power bank มีดังต่อไปนี้

1. เลือกปริมาตรความจุ ที่ท่านต้องการ หรือสนใจนำมา สกรีน Power bank จะเล็กหรือใหญ่นั้น อยู่ที่ขนาดและความจุเป็นสำคัญ
2. พิจารณายี่ห้อของ Powerbank  ที่มีมาตรฐานเพราะ Power bank ที่จะนำมาสกรีนนั้น  หากคุณภาพ ไม่ดีหรือ สินค้ามีเกรดต่ำๆ อาจเกิดอันตรายต่อผู้ได้รับได้
3. เลือกโรงงานสกรีน ที่ได้มาตรฐาน เพราะ เทคนิคการสกรีน Power bank นั้นมีหลายอย่าง เนื่องจากวัสดุที่ใช้ทำ Power bank จะดีไซน์มาต่างกัน เช่น Power bank บางรุ่นเป็น อัลลูมิเนียม , บางรุ่นเป็นพลาสติกด้าน , บางรุ่นเป็นพลาสติกมันวาว ซึ่งก็ต้องใช้เทคนิคการสกรีนที่ผิดแผกกันด้วยเช่นกัน

 เท่านี้ก็ทำให้ท่านมีแนวในการจัดหา Power bank ที่ใช้สกรีน เพื่อทำเป็นของ Premium ได้แล้ว

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เคส iPhone 6 แบบพิเศษ สำหรับงานเฉพาะด้าน

เคส iPhone 6  แบบเฉพาะด้าน เพื่อเลือกใช้แบบเฉพาะด้าน เช่นงานลุยๆ หรือ กับการท่องเที่ยง ในโอกาสพิเศษๆ


ในท้องตลาดเคส ขณะนี้ มีเคส iPhone 6  ที่ใช้เฉพาะด้าน อยู่  2-3 ชนิด โดยไม่รวม เคส iPhone 6 แบบปกติที่หลายต่อหลายคนมีใช้งานกันนะครับ

 1. เคสกันกระแทก อึด ทึก ทน   เคสพวกนี้จำนวนมากแล้วจะเกิดจากวัสดุ แยกย่อนอีก 2 ชนิด คือ
  - เคสซิลิโคน  เนื่องจากซิลิโคนเป็นวัสดุที่ดูดซึมแรงกระแทกได้ค่อนข้างดี เนื้อนิ่ม จึงทำให้ได้รับความนิยมอยู่เสมอ เราจะเห็น เคสพวกนี้ได้เช่น ยี่ห้อ Giffin survivor case  โดยคุณสมบัติที่มักสอดแทรกมาเพิ่มเติมคือ สามารถกันละออกน้ำฝนได้ระดับหนึ่ง โดยตามจุดต่างๆ  จะมี ซีลป้องกันน้ำเข้าไว้ด้วย แต่จะไม่ถึงขนาด นำไปดำน้ำได้นะครับ
 - เคสโลหะ เคสประเภทนี้จะมีความสวยหรู และแกร่ง มากๆ โดยภายในของเคส พวกนี้มักมีฟองน้ำ หรือยางกันกระแทกอยู่ภายใน ทำหน้าที่ซับแรงกระแทก หน้าจออาจจะมีกระจก Golira Glass เพื่อคุ้มกันแรงกระแทกอีกชั้นนึ่ง และเช่นกัน จะมีคุณสมบัติ ปกป้องละอองน้ำมาด้วย  ยกตัวอย่างเช่น ยี่ห้อ Lunatik เคส iPhone 6 กันกระแทก

2. เคสกันน้ำ  เคสแบบนี้มักได้รับความชื่นชมเป็นพิเศษ ในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ และช่วง Summer สำหรับนักท่องเที่ยวที่หวังนำโทรศัพท์ iPhone 6 ไปดำน้ำ หรือ เล่นน้ำทะเล โดยคุณสมบัติพิเศษของ เคส iPhone 6 ประเภทนี้ จะใช้ดำน้ำลึกได้ประมาณ 1-3 เมตร สามารถกันฝุ่นกันกระแทกได้พอประมาณ เคสพวกนี้จะมีหลากหลายยี่ห้อ เช่น เคส iPhone 6 Survivor + Catalyst

 อย่างไรลองเลือกคัดใช้เคสให้เหมาะกับสภาพการใช้งาน และคำนึงถึงราคาด้วยนะครับ   โอกาสหน้าเราจะนำสาระต่างๆมานำเสนออีก

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เคส iPhone 6 มีกี่แบบและแต่ละแบบดีอย่างไร

เคส iPhone 6 แต่ละแบบดีอย่างไร



เคส iPhone 6 ที่นิยมใช้กันเป็นอันดับ 1 ก็คงหนีไม่พ้น เคส iPhone แบบอ่อน หรือนิ่ม ทีนี้หลายท่านคงสงสัย และอยากรู้ว่าวัสดุที่เป็นสารประกอบหลักของเคสพวกนี้คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียเช่นไรบ้าง

เราแบ่งพวกวัสดุที่ใช้ทำเคส iPhone ออกเป็น 2 อย่างหลักๆ

1. Silicone Case (เคส iPhone แบบซิลิโคน) มีลักษณะนิ่มๆ นุ่มๆ 

ข้อดีของเคส iPhone ประเภทซิลิโคนคือ

1.1. มีความทน เนื่องจากมีความยืดหยุ่นที่ดี หล่นมาแล้วไม่แตก ทำให้รับแรงกระแทกได้เยอะ 
1.2. เมื่อ เคส iPhone 6 เขรอะก็สามารถเอาไปทำความสะอาด โดยการล้างน้ำได้เลยค่ะ (เช่น เลอะคราบน้ำลาย ก็เอาไปล้างแล้วก็เช็ดๆๆ ได้เลยค่ะ ง่ายดี หุหุ)
1.3. สวมใส่กับตัว iPhone6 ง่ายค่ะ เพราะตัวเคสไอโฟนจะมีความเหนียวและความยืดหยุ่นสูง เหมือนหนังยางมัดผมค่ะ ดึงยืดตามสะดวกเลยค่ะ ทำให้ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถใส่เคสไอโฟนแบบนี้ได้เองเลย
1.4. เป็นเคส iPhone ที่มีแรงเสียดทานสูงค่ะ สามารถยึดเกาะ กับสภาพผิวอื่นๆ ได้ดี ไม่ลื่นหล่นง่าย เช่น การวางไว้ขอบโต๊ะ การถือใช้งาน เป็นต้น
1.5. เนื่องจากความนิ่ม จึงไม่ทำให้เครื่อง iPhone ของเราเกิดริ้วรอย ที่หลายๆท่านเรียนกว่า เคสกัด
1.6. อาจจะขึ้นแบบเป็นลายการ์ตูนน่ารักๆ ได้ง่ายกว่า สังเกตุได้ว่าเราจะเจอเคสลายการ์ตูนทำจาก ซิลิโคนเยอะมาก

ข้อเสียของเคสไอโฟนประเภทนี้ คือ
1. เนื่องด้วยสภาพพื้นผิวมีความเหนียวและหนืดสูง เวลาฝุ่นเกาะแล้ว ยากจะปลดปล่อยค่ะ แต่สามารถใช้น้ำสบู่ล้างเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ 
2. หลบเลี่ยงการโดนความร้อนหรืออยู่ใกล้ความร้อนค่ะ เพราะจะทำให้เคสไอโฟนเสียทรวดทรงได้ เนื่องจากจะเกิดการขยายตัวของเคสไอโฟน พองตัวขึ้น จนกลายเป็นเคสไอโฟน หย่อนหรือยาน หรือเกิดอาการย้วยได้ 
เคสซิลิโคนจะเสื่อมสภาพหลังใช้ ประมาณ 6 เดือน เคสซิลิโคน ถ้าซื้อเกรดต่ำมากๆ อายุการใช้งานก็จะสั้นเร็วกว่า 6 เดือนอีก สังเกตุได้จากเนื้อเคสค่ะ ถ้าเป็นเนื้อหนาๆส่วนมากจะเป็นผลิตภัณฑ์เกรด A


2. TPU Case (เคสไอโฟนเนื้อวัสดุ TPU)
เคสไอโฟน แบบ soft case อีกชนิด คือ TPU Case หรือย่อมาจาก Thermoplastic Polyurethanes เคสไอโฟนแบบนี้มีแตกต่างจากเคสไอโฟน แบบซิลิโคน อย่างเห็นได้ชัดคือ ความยืดหยุ่นจะน้อยกว่า แต่จะมีการคงรูปที่มากกว่า เป็นเหตุให้เวลาใช้ไปนานๆ เคสไอโฟนชนิดนี้จะไม่มีการเสียสัดส่วน หรือถ้าเสียก็น้อยมาก


ข้อดีของเคสไอโฟน แบบ TPU Case คือ
1. เคสชนิดนี้จะมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแบบซิลิโคน เนื่องจากมีความทนทานที่มากกว่าเคสซิลิโคน
2. ฝุ่นไม่เกาะติดง่ายเหมือนซิลิโคน ตามที่ส่วนมากจะเป็นวัสดุชนิดเคลือบมัน และยังสามารถทำความสะอาดได้โดยการชำระล้างน้ำสบู่
3. ทนทานต่อแรงกระทบ แม้อาจไม่มากเท่าเคสซิลิโคน แต่ก็รองรับแรงกระแทกได้ระดับนึง

ข้อเสียของเคสไอโฟนประเภท TPU Case คือ
1. หากเป็น TPU ใส อาจจะประสบปัญหาเรื่องเคสออกสีเหลือง หรือ อมเหลืองทำให้ดูหมองไม่น่าใช้
2. ความยืดหยุ่นน้อยกว่า ทำให้รับแรงปะทะได้น้อยกว่าเคสซิลิโคน เวลาตกพื้น

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Eloop E13 ฮิตกันจัง มันใช้งานอย่างไรนะ ?

Eloop E13 ฮิตกันจัง มันใช้งานอย่างไรนะ ?





Eloop E13 เป็นที่นิยมมากในปัจจุบันทำให้หลายท่านสงสัยว่า การใช้งานอย่างถูกวิธีนี่ต้องใช้อย่างไร  วันนี้ caseintrend จะมาไขทุกข้อข้องใจ


ภายในกล่องต้องมี อยู่ 3 ชิ้นค่ะ 



1. สายชาร์จ Micro USB  เพื่อใช้สำรองประจุไฟเข้า  Power bank Eloop  ถ้าสังเกตุแล้วจะเห็นว่า สายชาร์จมันเหมือนหัวชาร์จ Samsung หรือ Sony , HTC เลยนี่ อิอิ   ถูกต้องค่ะ สายแบบเดียวกัน สามารถใช้ด้วยกันได้เลยนะคะ
2. ตำราการใช้งานที่ให้มา เสียดายมันดันเป็นภาษาจีนซะงั้น แต่ไม่ต้องห่วงบทความนี้ เรามีเพื่อมาใช้แทนหนังสือ Eloop E13 ตัวนี้อยู่แล้ว 
3. ตัวเอกของเรื่องนี้ คือ ........ Power bank Eloop  E13 นั่นเอง 


เริ่มต้นการใช้งานหลังจากถอดกล่องแล้ว

1. หลังจากถอดกล่องออกมา เช็คดูระดับไฟคงเหลือในเครื่อง จะมีอยู่มากหรือน้อยไม่สำคัญ  ที่สำคัญควรมีไฟอยู่ เนื่องจากแบต แบบ lithium-Polymer ต้องจะต้องมีไฟอยู่ในตัวตลอดเวลา
2. ทำการชาร์จไฟให้แบตสำรอง  จนไฟดวงที่ 4 ของ Power bank Eloop ต้องหยุดกระพริบ จึงเต็มถือว่าเต็ม  ไม่จำเป็นต้องชาร์จนาน 8-12 ชั่วโมง นั่นคือความเชื่อที่ผิดค่ะ ไฟหยุดกระพริบค้างไว้อีก ไม่เกินครึ่งชม.  ก็เอาออกได้เลยค่ะ 
3. เมื่อไฟเต็มที่แล้ว ท่านอาจจะนำมาชาร์จ มือถือหรือ Tablet หรืออุปกรณ์ที่พึงประสงค์ได้เลย โดยเลือกใช้สายชาร์ตให้เหมาะสมกับอุปกรณ์เหล่านั้น
4. เล่าเพิ่มช่องจ่ายไฟของ Power bank Eloop 
จะมี 2 ช่อง คือ
  4.1 ช่อง 1 A.  
  4.2 ช่อง 2.1 A  
 เคล็ดการดู โทรศัพท์ของเราสมควรจะใช้ช่องไหน   มีวิธีง่ายๆคือ ให้เราดูหัวชาร์จของโทรศัพท์ ของท่านว่ามีไฟออกกี่ Amp  ก็ให้ใช้ช่องนั้น  เช่น  iPhone หัวชาร์จจะใช้ไฟ 1 A   ก็ให้เสียบช่อง 1A   ถ้าเป็น Samsung Note3  ใช้ไฟ 2A  ก็ให้เสียบช่อง 2.1A  หรือจะดูจากเอกสารแนะนำโทรศัพท์ หรือ อุุปกรณ์ของท่านก็ได้ด้วย 
5. วิธีการแค่นี้ เราก็สามารถใช้งาน Power bank Eloop ได้อย่างคุ้มค่าแล้วค่ะ  
มีคำแนะนำเพิ่มเติมคือ  เมื่อไฟ eloop เหลือ 1 ดวงทีหลังให้ทำการชาร์จเพื่อเก็บไฟได้เลย  เพราะจะช่วยยึดอายุ Eloop ให้ใช้งานได้นาน , อย่าเก็บไว้ในทีๆ อุณหภูมิสูงๆ จะทำให้แบตและวงจรภายในชำรุดเร็ว

การสำรองไฟเข้าตัว Powerbank Eloop E13




1. โดยนำสายชาร์จ  Micro Usb เสียบเข้าช่อง Line in  (ช่องเล็กๆ ช่องกลาง)
2. และใช้ปลายสายอีกด้านนึง เสียบเข้าที่หัวชาร์จโทรศัพท์  หรือหัวชาร์จอุปกรณ์ที่ท่านต้องการได้เลย   หรือจะเลือกเสียบเข้ากับ Notebook  ก็ได้ แต่จะใช้เวลาชาร์จนานมาก ด้วยเหตุที่กระแสไฟที่ notebook ปลดปล่อยออกมาน้อยมาก ทั้งนี้ความเร็วและ ความช้าของการชาร์จ จะขึ้นอยู่กับ หัวชาร์จที่ใช้ชาร์จ  
3. เมือ Eloop E13 จะเต็มเมื่อไฟดวงที่ 4 หยุดกระพริบ ถือเป็นการจบวิธีใช้งานแต่เพียงเพียงนี้

  หากท่านมีคำถาม หรือ สงสัยอย่างไรเพิ่มเติมสามารถเข้ามาพูดคุยกับเราได้ทาง FB.  https://www.facebook.com/plugphone  ได้เช่นกัน